Meet our Bangkokian guests: "We are Kin-Kin"

Bangkokian Interview with Khun Jirayu and Khun Yota from "We are Kin-Kin"

Hello from the Another Story team! In celebration of our 5th anniversary with the theme ‘Bangkokian’, we sat down to chat with city dwellers Khun Jirayu and Khun Yota from "We are Kin-Kin", the instagram account that represents stories through food and lifestyle images. And today we will talk with them about what Bangkok means to them and what aspects of their own lifestyles make them real ‘Bangkokians’.

สวัสดีค่ะ พวกเราจาก Another Story นะคะ เนื่องด้วยโอกาสครบรอบ 5 ปีของร้าน Another Story ที่มาในธีมของ Bangkokian หรือ ชาวกรุงเทพ วันนี้เราเลยจะมาพูดคุยกับคุณจิและคุณโย จากเพจและบล๊อก "We are Kin-Kin" ที่ถ่ายทอดเรื่องราวอาหารและไลฟ์สไตล์ผ่านทางรูปภาพสวยๆ โดยเราจะคุยกับทั้งสองถึงมุมมองที่ทั้งสองมีต่อกรุงเทพและไลฟ์สไตล์ต่างๆของทั้งคู่ในฐานะที่เป็นคนกรุงเทพกันนะคะ :)

Q: Hi, could you two introduce yourselves a little bit?

Q: สวัสดีค่ะ ขอให้ทั้งสองคนช่วยแนะนำตัวหน่อยนะคะ


Khun Ji: Hello, I’m Ji - short for Jirayu. I’m an artist and illustrator. Most people would recognise me more under my illustrator username, @jirayu_koo.

คุณจิ: สวัสดีค่ะ จิค่ะ  จิรายุ เป็น artist & illustrator ชื่อในวงการ illustration ก็คือ @jirayu_koo ค่ะ

Khun Yo: Hi, I’m Yo and I’m a photographer and filmmaker.

คุณโย: โยครับ เป็นช่างภาพและ filmmaker

 

Q: Could you tell us about how your page, “We are Kin-Kin”, first started out?

Q: อะไรคือจุดเริ่มต้นหรือที่มาของการทำเพจ “We are Kin-Kin” เอ่ย?


Khun Ji: Well, it started from our love for eating! That’s both eating out and simple things we decide to cook ourselves at home. But since we’re also content creators and love taking good photos, we wanted to combine that with a passion we both really enjoy. It also lets us tell interesting stories about where we’re going to eat and what we’re eating. It’s a combination of all the things we love doing everyday and things we find interesting.

คุณจิ: เกิดมาจากความชอบกินของเราสองคน ทั้งออกไปหาอะไรกินข้างนอกหรือสิ่งที่เราทำกินกันเองง่ายๆที่บ้าน และด้วยความที่เราเป็นช่างภาพ เลยจริงจังและอยากที่จะถ่ายรูปสวยๆออกมา พร้อมกับเขียน บรรยาย เล่าเรื่องราว ในสิ่งที่เราไปกินไปเจอมา หรือเรื่องที่น่าสนใจต่างๆ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์หรือของที่เราชอบใช้ในชีวิตประจำวัน

Khun Yo: We try to tell our stories as they’re happening at that moment. When we’re chatting to someone who’s telling us something interesting, we want to share what they’re saying to other people.

คุณโย: โดยเราพยายามจะเล่าเรื่องราวต่างๆ จุดๆนั้น ช่วงเวลานั้นที่เราเจอมา เช่น เวลาเราไปคุยกับคนอื่นแล้วสิ่งนั้นน่าสนใจ เราก็อยากจะแบ่งปันกับคนอื่น

Q: Since you’re both people from Bangkok, what are 5 words that come to mind when you think of this city?

Q: ด้วยความที่ทั้งสองคนเป็นคนกรุงเทพ อยากให้เลือก 5 คำ ที่บรรยายความเป็นกรุงเทพของเราหน่อยค่ะ


Khun Yo: Chaotic.

คุณโย: วุ่นวาย (Chaotic)

Khun Ji: Delicious.

คุณจิ: อร่อย (Delicious)

Khun Yo: Comfortable.

คุณโย: สบาย (Comfortable)

Khun Ji: Home. Whenever I travel abroad, I can really see that there’s no place like Bangkok. There’s no place like home. And the final word I would use would be ‘Melting Pot'. We’ve got so many different kinds of cultures, people, and lifestyles in one place. We’re like a gaeng, or curry - all the ingredients being our sub-cultures blending together in harmony. This is the reason why Bangkok is charming.

คุณจิ: บ้าน (Home) เวลาเราไปเที่ยวที่อื่น ไม่มีที่ไหนเหมือนกรุงเทพ ยังไงก็ตามเราก็รู้สึกว่ากรุงเทพคือบ้านของเรา และคำสุดท้ายก็คือ เรารู้สึกว่ากรุงเทพเป็น ' Melting pot ' มีหลายวัฒนธรรม คนหลายเชื้อชาติที่มารวมกัน เหมือนเป็นแกงหม้อใหญ่ที่ยังไม่โดนแกง เป็นอะไรที่ผสมกันแล้วกลายเป็น Sub-culture ที่เราต่าง blend เข้าหากัน และรู้สึกว่ากรุงเทพมันมีเสน่ห์บางอย่าง ที่ทำให้ทุกอย่างมันอยู่รวมกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ

Khun Yo: In short, it’s to say Bangkok really is an amalgam.

คุณโย: ถ้าจะสรุปเป็นคำสั้นๆ คงจะได้ว่า ผสมปนเป

Q: Are there any parts of Bangkok that you like in particular?

Q: สถานที่ในกรุงเทพหรือย่านไหนที่ทั้งสองคนชื่นชอบเป็นพิเศษ


Khun Yo: Besides my own area, I really like going around Old town. My friends often call it Old Town East, and I think it’s got a real charm. Nowadays, the younger generation have started hanging out there too so it makes the area a really interesting mix of old and new.

คุณโย: จริงๆถ้าไม่นับแถวบ้านก็จะชอบไปเมืองเก่า ที่พวกเพื่อนๆพยายามเรียกย่านแถวนั้นว่า Old town East  รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ ยิ่งตอนนี้คนรุ่นใหม่กลับมาทำอะไรแถวบ้านตัวเอง จึงมีทั้งเก่าและใหม่ผสมกันทำให้เป็นอะไรที่น่าสนใจ

Khun Ji: I really like Old Town as well, especially around Rajadamnoen. There’s a sweetness to it, and there’s always something new popping up amongst the old setting. I have a few friends who have opened business around there, so I’ve done walking tours around the area which made me see how varied it is. Sometimes I also take a boat trip, which is really convenient because you don’t get the road traffic! And you actually have to lift the sails of the boat, which is your responsibility when you sit on the edge or if you often go on these boats. It’s something that’s really amazing (lifting the sails when you get on the boat is something only people who get on boats to avoid getting wet will know about). It makes me understand why Bangkok used to be called the Venice of Asia.

คุณจิ: จิชอบเมืองเก่าเหมือนกัน แถวราชดำเนิน เพราะมันยังมีความน่ารักอยู่ และมีอะไรใหม่ๆเพิ่มขึ้นมา มีทั้งเก่าและใหม่ผสมกัน ซึ่งพอมีเพื่อนไปเปิดร้านแถวนั้นหลายคน  เราเลยลองเดินจากจุดนู้นไปจุดนี้ ทำให้เราเลยได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง หรือบางทีเราก็เลยลองไปนั่งเรือ ซึ่งสะดวกมาก เพราะเราไม่เจอรถติด แต่เราจะต้องยกผ้าใบขึ้น*ถ้าเรานั่งริม เป็นความรับผิดชอบของคนนั่งริมและนั่งเรือเป็นประจำถึงจะรู้ ซึ่งเป็นอะไรที่ amazing มากๆ (การยกผ้าใบขึ้นเวลานั่งเรือนั้น เป็นสิ่งที่รู้กันสำหรับคนนั่งเรือ เพื่อกันเปียก) เลยเข้าใจว่าทำไมกรุงเทพถึงเคยถูกเรียกว่า เวนิซ ในอดีต

Khun Yo: When I was a kid, if you took the bus, there was no way you’d be on time. So you’d take the boat, which was as fast as taking the skytrain now.

คุณโย: สมัยผมเด็ก ถ้านั่งรถเมล์ไม่มีทางทันแน่นอน เลยนั่งเรือ เร็วได้เทียบเท่ากับรถไฟฟ้าเลย

Khun Ji: Now everyone knows which era we were born in! (Both laugh.)

คุณจิ: เค้ารู้หมดว่าเราเกิดยุคไหนกัน (ทั้งคู่หัวเราะพร้อมกัน)

Thank you for all the images from instagram account of "wearekinkin"

Q: If you had one free day with no work, what would you guys do?

Q: ถ้าทั้งคู่มีหนึ่งวันที่ว่าง ไม่ต้องคิดเรื่องงานหรืออะไรเลย คิดว่าอยากจะใช้เวลาตรงนั้นทำอะไร?


Khun Ji: Honestly, I’m someone who loves staying home. Before, I would have said I’d go sit in a cafe or walk around all day. But now, I like staying at home, cooking a meal, and spending the rest of the day doing little things like drawing or fixing up around the house. That’s what I call a day of rest.

คุณจิ: จริงๆเราเป็นคนค่อนข้างติดบ้านนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราอาจจะไปคาเฟ่ หรือเดินเล่นทั้งวัน แต่ตอนนี้รู้สึกว่า ถ้าเราอยู่บ้าน ทำอะไรกินมื้อนึง ที่เหลือก็ทำอะไรกระจุ๊กกระจิ๊กที่เราตั้งใจจะทำ เช่น วาดรูปที่เราอยากวาด หรือเก็บซ่อมแซมบ้าน ซึ่งนั่นคือเราถือว่าเป็นวันที่เราได้พักผ่อนอย่างแท้จริงแล้ว

Could it be because of Covid that’s changed our lifestyles this way?

หรือเป็นเพราะโควิดรึเปล่าที่ทำให้ไลฟ์สไตล์ชีวิตเราเปลี่ยนไป?

Khun Ji: That probably plays a part. Having to stay at home all the time makes us want to improve our households and decorate it to make it more suited for us.

คุณจิ: อาจจะด้วยทำให้เราพยายามปรับบ้านให้เป็นเรามากขึ้นในช่วงเวลาที่เราต้องอยู่แต่บ้านไม่ได้ไปไหน

Khun Yo: I’ve always liked decorating my house. I love shopping for this and that, and I always buy plates and tableware for the house. During Covid I got to take them all out to actually use them, and there’ll be times when I say “oh, we have this?” (Says both, at the same time.) And I can’t even remember when or where I bought it.

คุณโย: โดยตั้งแต่เริ่มเราเป็นคนชอบแต่งบ้านอยู่แล้ว ชอบซื้อของนู่นนี่ ซึ่งสิ่งที่ซื้อเยอะที่สุดในบ้านคือจานชาม ช่วงโควิดเราเลยได้ขนออกมาใช้ บางทีก็เกิดอาการอ๊าว เรามีใบนี้ด้วยเหรอ?” (พูดออกมาพร้อมกัน) ซึ่งเป็นเพราะเราจำไม่ได้ว่าเราซื้อกันมาตอนไหน

Thank you for all the images from instagram account of "wearekinkin"

Q: Speaking of plates and tableware, could we ask you about your “must-go” restaurants in Bangkok? A place you most recommend?

Q: พอพูดถึงเรื่องจานชาม ขอถือโอกาสถามเรื่องร้านอาหารในกรุงเทพที่เป็น the must หรือร้านแนะนำสำหรับคุณโยคุณจิเลยว่าคือที่ไหน?


Khun Yo: Oh, that we'll need to cross the street from where we are right now. "Guay Tiew Moo Roong Rueng" in Soi Sukhumvit 26 and it should be only a corner one!

คุณโย: ข้ามฝั่งจากนี่ไปเลยครับ ก๋วยเตี๋ยวหมูรุ่งเรือง (ซอยสุขุมวิท 26) ซึ่งต้องเป็นร้านหัวมุมเท่านั้น

Khun Ji: Yes! We always got delivery from there while we were at home.

คุณจิ: ใช่เลย ซึ่งเราใช้บริการ Delivery บ่อยมากตอนที่อยู่บ้าน

Q: And which Thai dish would you most recommend to a foreigner?

Q: แล้วอย่างนี้ เมนูอาหารไทยจานไหน ที่เราอยากจะแนะนำคนต่างชาติให้ลิ้มลอง


Khun Ji: Maybe coconut water? If a foreigner came to visit, I’d want them to try real coconut water, sold from the back of those pick-up trucks. The ones they cut open for your right before your eyes. Or maybe fruits from those fruit carts. I think that’s one of the greatest things about Bangkok - you can find something good to eat anywhere you are from dawn til dusk. And lots of those things you couldn’t get anywhere else in the world.

คุณจิ: คิดว่าเป็นน้ำมะพร้าว ซึ่งถ้าฝรั่งมาอยากให้เค้าลองมะพร้าวที่มากับรถกระบะ ที่เค้าเฉาะให้เห็นเลย หรือ พวกผลไม้ตามรถเข็น เพราะคิดว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์มาก เราสามารถหาของกินได้ทุกที่ มีตั้งแต่เช้าจรดเย็น และมีหลายอย่างที่เราหาจากที่อื่นไม่ได้

I think that’s one of the greatest things about Bangkok - you can find something good to eat anywhere you are from dawn til dusk. And lots of those things you couldn’t get anywhere else in the world.

- Jirayu Koo -

Q: If you wanted a quick, temporary escape from the chaos of Bangkok, where would you go in the city?

Q: ถ้าเราอยากหนีความวุ่นวายของกรุงเทพ สถานที่ไหนที่คิดว่าเป็นทางเลือกสำหรับเรา


Khun Yo: Benjakitti Park. A lot of people actually don’t know about this park. But it’s massive and very peaceful. Just going there and sitting on a bench already relaxes me.

คุณโย: สวนเบญจกิติ ที่เพื่อนหลายคนไม่รู้ว่ามีสวนนี้ ซึ่งใหญ่มากและสงบมาก ไปนั่งเฉยๆก็รู้สึกสบายแล้ว

Khun Ji: And there’s a small but tranquil lake there too where I used to like strolling around. What’s more, the park is right in the middle of the city so you get a great panoramic view of all the skyscrapers surrounding you. It’s a perspective of Bangkok you’ve never had before.

คุณจิ: และที่นั่นมีทะเลสาบเล็กๆที่เราเคยไปเดินเล่น และอยู่ใจกลางเมือง ที่เราจะเห็นมุมของกรุงเทพในวงกว้าง มันเป็นอีกมุมนึงที่เราไม่เคยเห็นเลยในกรุงเทพ

Q: What’s one thing a Bangkokian cannot be without?

Q: สิ่งที่คนกรุงเทพไม่สามารถขาดได้


Khun Ji: Smelling ointment? (Turns to look at Khun Yo).

คุณจิ: ยาดมป่ะ (หันไปมองทางคุณโย)

Khun Yo: That’s right. (He laughs.) So, I have to admit that Bangkok isn’t the best smelling city in the world to me. So I have to carry around the herbal ointments to save myself, and I’m really addicted to it. Everytime I take it out, my friends always say I’m super old-fashioned. But really, I think I show them something interesting to see about our culture.

คุณโย: ใช่ครับ (คุณโยขำและยอมรับกับพวกเรา) คือต้องยอมรับว่า กรุงเทพกลิ่นมันไม่น่ารื่นรมย์เสมอไป ซึ่งเราต้องพกไว้ช่วยเหลือตัวเอง จะเป็นคนติดยาดมครับ ซึ่งเวลาพกขึ้นมาทุกคนก็จะคิดว่าแก่จัง แต่จริงๆแล้วเวลายกขึ้นมามันก็เป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างบทสนทนาในวงเพื่อนได้เหมือนกันนะ

Is that the same for you too Khun Ji?

ซึ่งคุณจิเหมือนกันรึเปล่าเอ่ย?

Khun Ji: Oh, no! (She laughs). I think what Bangkokians really can’t do without is sunscreen. The sun in our city is super powerful, and you really do need sunscreen to protect your skin. (Then, Khun Ji sees our collection of IZIPIZI sunglasses and adds that "you also can’t do without sunglasses in Bangkok, since you have to protect your eyes from the powerful rays").

คุณจิ: ไม่ค่ะ (คุณจิหัวเราะและปฏิเสธกับเรา) จิว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้คือครีมกันแดด เพราะว่าแดดที่เมืองไทยแรงมาก ซึ่งมันจำเป็นต่อการปกป้องผิวหน้าของเรา (และซึ่งคุณจิมาบอกกับเราทีหลังอีกพอเห็นแว่น izipizi แล้วว่า แว่นกันแดดก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเธอเช่นกัน ทั้งช่วยป้องกันแสงแดดที่จะทำร้ายสายตาเรา)

Q: From these Covid times, what do you never leave home without?

Q: จากเหตุการณ์ Covid ที่ผ่านมา คิดว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่เราขาดไม่ได้ ต้องพกติดตัวตลอดเวลา


Khun Yo: For me, it’s probably my earphones. I know that doesn’t really have anything to do with hygienic protection, but it’s because during this time I feel so bombarded with news and information all the time. So, I always want some time to myself and block out all that noise. It’s important to stay calm and at peace, which is what the earphones help me with.

คุณโย: ของผมน่าจะเป็นหูฟัง ทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกันเชื้อโรคหรืออะไรเลย แต่เพราะช่วง Covid ทำให้เราได้รับข่าวสารข้อมูลเยอะมาก เราเลยอยากมีเวลาที่เราสามารถหยุด และอยู่กับตัวเองให้จิตใจสงบ เราเลยพกหูฟังไว้ฟังเพลงแทน

Khun Ji: For me, it’s probably hand cream. I always carry it around without actually really using it, but now that I’m washing my hands a lot more than usual I’ve started to use it more often. It helps to stop your hands from getting too dry from all the cleaning, and you can choose nice smelling ones too. The scents can help lift you up when you’re tired or help to refresh you.

คุณจิ: ของจิน่าจะเป็น hand cream คือจริงๆเราพกอยู่แล้วแต่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่เพราะเราต้องล้างมือบ่อยขึ้น เลยได้เอากลับมาใช้มากขึ้นเพื่อป้องกันมือแห้ง โดยจะเลือกใช้กลิ่นที่หอม ช่วงเวลาที่เรารู้สึกเหนื่อย มันจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น

Q: Which musical artists or bands do you like?

Q: ศิลปินหรืองานอดิเรกที่ทั้งสองชื่นชอบ?


Khun Yo: I’m someone who really loves music. I once vowed to myself that if I found a girlfriend, she would have to be someone who loves listening to music and she would have to know at least half the songs that I love most. Aren’t I lucky to have found that girl? (Turns to look at Khun Ji).

คุณโย:  ผมเป็นคนชอบเพลงมาก และเคยตั้งสเป็คไว้ว่า ถ้าจะหาแฟน อยากจะให้เป็นผู้หญิงที่ฟังเพลง และรู้จักเพลงที่เราฟังเกินครึ่ง ซึ่ง....โชคดีมากที่เราเจอคนนั้น (หันไปมองคุณจิ)

Khun Ji: It means that everyday when a song comes up, he’ll turn to ask me what song this is. When I can answer it, he’ll say “good”. I feel like I’m always being tested on music! Another thing we always listen to is Digital Radio from abroad, like BBC6. So it’s really quite hard to answer which artists or music we like the most.

คุณจิ: ทำให้ทุกวันนี้เวลามีเพลงขึ้นมาเค้าก็จะถามเราว่านี่เพลงอะไร พอเราตอบได้ เค้าก็จะบอกว่า เหมาะสมแล้ว โดยเราก็จะถูกทดสอบอยู่เรื่อยๆ อีกอย่างส่วนใหญ่เราจะฟัง Digital radio ของเมืองนอก เช่น ช่อง BBC6 เลยอาจจะยากที่จะบอกว่าชื่นชอบใครเป็นพิเศษ

Q: What about particular music genres?

Q: มีแนวเพลงไหนที่ชื่นชอบเป็นพิเศษไหม?


Khun Yo: Actually, I listen to a huge variety. Everything from chill tunes to heavy beats - it all depends on our mood.

คุณโย: จริงๆฟังผสมไปทั้งหมดเลย ทั้งชิวและหนักและแต่อารมณ์ของเรา

Khun Ji: When you listen to Digital Radio, it gives you more to explore than just the same playlists. They have songs that they’ve chosen for you and you can listen while the DJs talk to each other.

คุณจิ: การฟัง digital radio ก็ทำให้เราไม่ติดอยู่กับ playlist ที่เราเลือกเสมอไป มันมีทั้งเพลงที่เค้าเลือกมาและช่วงที่ดีเจคุยกัน

Khun Yo: But if you asked me to choose just one song, I’d choose ‘Perfect Love Song’ form The Divine Comedy, which was the song that played at our wedding.

คุณโย: แต่ถ้าให้เลือกหนึ่งเพลง ก็คงจะขอเลือกเพลง Perfect Love Song ของ The Divine Comedy ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ในงานแต่งของเรา

Q: Do you have a favourite artist or painter?

Q: ถ้าให้เลือกศิลปินคนโปรดที่ชื่นชอบ?


Khun Ji: Absolutely David Hockney! I love his use of colours, and the way he simplifies images. I like his perspective on the world and his own character too.

คุณจิ: แน่นอนว่าเป็น David Hockney ค่ะ เพราะว่าชอบการใช้สี การ simplify หรือมุมมองที่เค้ามอง รวมไปถึงชอบตัวเค้าด้วย รู้สึกเค้ามี character บางอย่างที่เราชอบ

Khun Yo: He’s like an old but cool uncle, never losing touch with the current times. You can give him an iPad and he’ll use it to create art.

คุณโย: เค้าเหมือนเป็นคุณลุงอายุเยอะ ที่ไม่หลุดความปัจจุบัน ถ้ามี Ipad มาให้เล่นเค้าก็สร้างผลงานได้

Khun Ji: He can create works without being stuck in the past. Even the works he produced way earlier still seems like it fits perfectly in today’s day and age. There’s an easiness to it that only some people can see.

คุณจิ:  เขาสร้างงานโดยที่ไม่ยึดติดอยู่กับยุคใดยุคหนึ่ง แม้งานในยุคก่อนของเขา เราก็รู้สึกว่ามันอยู่ได้ในปัจจุบันเหมือนกัน เป็นความเรียบง่าย ที่เฉพาะบางคนเท่านั้นที่จะเห็น

David Hockney in studio drawing in computer, 2008 - photo: Jean Piere Goncalves de Lima

Large Interior, Los Angeles, 1988 - oil, paper & ink on canvas 72x120 in.

Portrait of an Artist (Pool with two figures), 1972 - acrylic on canvas 84x120 in.

Q: From your Instagram pages, we see that you two met and discussed business with Tim Cook from Apple!

Q: ติดตามจาก Instagram แล้วเห็นว่าทั้งคู่ได้มีโอกาสการร่วมโต๊ะกับคุณ Tim cook จาก Apple


Thank you for all the images from facebook page of "wearekinkin"

Khun Yo: Apple Thailand got in touch with us first. I thought it was a kind of workshop as usual, which I’ve done before. We chatted to arrange a date and then they told me a date which I wasn’t available for because I’d still be in Phuket. They said it had to be that day, and I had to come back for it without even telling me why! After a while, I was signing a non-disclosure agreement. When they called back, they eventually told me that they’d arranged for me to meet with Tim Cook. That’s why I had to fly back, and go have lunch at Jay Fai’s restaurant with him, then fly back to Phuket the next day.

คุณโย:  Apple Thailand โทรมาก่อน ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นเวิร์คช๊อปเหมือนเดิมที่เราเคยทำมาแล้ว คุยไปคุยมาวันที่ตกลงจะเป็นวันที่เราจะยังไม่กลับจากภูเก็ต เค้าก็บอกว่าไม่ได้ ต้องกลับมาแต่ก็ไม่ได้บอกอะไร ซักพักก็ส่ง agreement มาให้เซ็นห้ามเปิดเผยข้อมูล พอโทรกลับมาเค้าก็บอกความจริงว่าจะให้พบกับคุณ Tim cook เราเลยต้องบินกลับมาไปกินข้าวที่เจ๊ไฝ กับเค้าและบินกลับภูเก็ตต่อหลังจากนั้น

Khun Ji: He was really easy to talk to. Very chill. He was willing to try all the foods we asked him to try and finished it all! Especially that famous crab omelette.

คุณจิ:  ซึ่งเค้าเป็นคนดูง่ายๆ สบายๆ ตักอะไรให้ก็กินหมดตลอด โดยเฉพาะไข่เจียวปู

Khun Yo: Yes, which is a really good trait to have.

คุณโย: ใช่ ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมากๆ

Since you were there, Can we get a review of Jay Fai’s?

อุตส่าห์ได้ไปถึงร้านแล้ว ขอรีวิวถึงร้านเจ้ไฝหน่อยค่ะ ว่าเป็นยังไง

Khun Ji: Her ingredients are so fresh. The flavours are great. My favourite dish was the stir-fried vegetables, because she fries them very nice and crunchy. It’s a simple dish done very well.

คุณจิ:  วัตถุดิบเค้าสดดีมาก รสชาติโอเคเลย ส่วนตัวชอบผัดผักที่สุด เพราะเค้าผัดสดกรอบ เป็นจานธรรมดาที่ประทับใจ

Khun Yo: She uses a very high heat so the vegetables don’t have time to wilt - they just go perfectly crunchy.

คุณโย: เพราะไฟมันแรง จนเวลาผัดทำให้ผักไม่เหี่ยว สดกรอบแบบพอดี

Thank you so much Khun Ji and Khun Yo for chatting with us today.

Both: Thank you so much to you too!